9. โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก |
เนื้อเยื่อของพืชแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1. เนื้อเยื้อเจริญ ( MERISTMETIC TISSUE ) สามารถแบ่งเซลล์ได้แก่ เนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง 2. เนื้อเยื่อถาวร ( PERMANENT TISSUE ) เป็นเนื้อเยื่อที่ไม่มีการแบ่งเซลล์อีกแล้วได้แก่ 2.1 เนื้อเยื่อถาวรเชิงเดี่ยว ประกอบด้วยกลุ่มเซลล์ชนิดเดียวกันทำหน้าที่อย่างเดียวกัน เช่น อิพิเดอร์มิส พาเรนไคมา คอลเลนไคมา สเคอเรนไคมา เอนโดเดอร์มิส 2.2 เนื้อเยื่อถาวรเชิงซ้อน ประกอยด้วยกลุ่มเซลล์หลายชนิดอยู่ร่วมกันและทำงานร่วมกัน เช่นเนื้อเยื่อท่อลำเลียง ตัวอย่างข้อสอบ ข้อใดอธิบายการที่พืชเจริญเติบโตได้อย่างไม่จำกัดได้ถูกต้อง ก. มีเนื้อเยื่อเจริญอยู่ที่ส่วนปลาย ข. มีระบบรากที่สามารถดูดน้ำและอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ค. สามารถแผ่กิ่งและใบเพื่อรับแสงได้โดยไม่จำกัดอายุขัย ง. การทำงานของระบบลำเลียงไปอย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา ตอบ ก. โครงสร้างและหน้าที่ของราก รากมีโครงสร้างเรียงลำดับจากภายนอกสู่ภายในดังนี้ 1. EPIDERMIS มีลักษณะเหมือนอิพิเดอร์มิสของลำต้นแต่จะมีบางเซลล์ยื่นออกไปเป็นขนราก ( ROOT HAIR ) 2. CORTEX ประกอบด้วยเซลล์พาเรนไคมา ทำหน้าที่เก็บสะสมอาหารและน้ำ คอร์เทกซ์ของรากจะกว้างกว่าลำต้น 3. STELE เป็นชั้นที่อยู่ถัด ENDODERMIS ประกอบด้วย 3.1 PERICYCLE ส่วนใหญ่เรียงตัวแถวเดียว หรือ สองแถวเป็นแหล่งทีเกิดของรากแขนง 3.2 VASCULAR BUNDLE คือกลุ่มของท่อน้ำท่ออาหารจะอยู๋ภายในวงล้อมของ PERICYCLE 3.3 PITH เป็นใส้ในของรากเห็นได้ชัดเจนในพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ข้อควรจำ ถ้าดูภาพตัดขวางของรากจากกล้องจุลทรรศน์จะพบว่า - ในพืชใบเลี้ยงคู่จะมีส่วนกลางสุดเป็นไซเลม - ในพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจะเป็นพิธ ตัวอย่างข้อสอบ โครงสร้างใดของพืชใบเลี้ยงคู่ที่ไม่เยื่อแคมเบียม ก. ใบและราก ข. รากแขนงและกิ่งก้าน ค. ใบและกิ่งก้าน ง. ใบและต้น ตอบ ก. โครงสร้างของลำต้น ชั้นของเนื้อเยื่อลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและใบเลี้ยงคู่เรียงตัวจากภายนอกเข้าสู่ภายในตามลำดับดังต่อไปนี้ 1. EPIDERMIS เป็นเนื้อเยื่อชั้นนอกสุด ประกอบด้วยเซลล์เรียงตัวกันชั้นเดียว มีผนังบาง ไม่มีคลอโรพลาสต์ 2. CORTEX อยู่ใต้ชั้น EPIDERMIS เป็นชั้นที่มีคลอโรพลาสต์อยู่ 3. STELE ประกอบด้วย 3.1 VASCULAR BUNDLE คือชั้นของเนื้อเยื่อที่ประกอบด้วยเซลล์อยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มๆ คือเนื้อเยื่อลำเลียงน้ำ ( XYLEM ) และเนื้อเยื่อลำเลียงอาหาร ( PHLOEM ) 3.2 PITH คือส่วนที่อยุ่ด้านในสุดทำหน้าที่สะสมแป้ง ข้อควรจำ - VASCUCAR BUNDLE มนลำต้นของพืชใบเลี้ยงคู่จะเรียงเป็นวงรอบลำต้นอย่างเป็นระเบียบ โดยมีท่อลำเลียงอาหารอยู่ด้านนอกและท่อลำเลียงน้ำอยู่ด้านใน - ส่วนในพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจะกระจัดกระจายทั่วลำต้นไม่เป็นระเบียบ และส่วนที่เป็นพิธอาจสลายไปกลายเป็นช่องวงกลม เรียกว่า PITH CAVITY ตัวอย่างข้อสอบ ในการตอนกิ่งไม้นั้นการควั่นเอาเปลือกรอบๆ ออกไปมีเนื้อเยื่ออะไรที่ชาวสวนตั้งใจเอาออกเพื่อช่วยให้รากสามารถงอกได้เร็วยิ่งขึ้น ก. PHLOEM ข. CORK และ กระพี้ ค. EPIDERMIS ง. CAMBIUM ตอบ ก. การเจริญเติบโตของรากและลำต้น พืชในระยะหลังจากเอมบริโอบริเวณที่จะมีการเจริญเติบโต ได้แก่ปลายราก ปลายยอด ปลายกิ่ง และเนื้อเยื่อเจริญ ( MERISTEMETIC TISSUE ) ที่แบ่งตัวตลอดเวลา การเจริญของพืชที่มีเนื้อไม้จะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ - ระยะที่ 1 การเจริญเติบโตที่เกิดจากเนื้อเยื่อเจริญที่บริเวณปลายยอด ปลายราก ปละแปรสภาพเป็นเนื้อเยื่อถาวร ( PERMANT TISSUE )ระยะแรกๆ - ระยะที่ 2 เป็นการเจริญของเนื้อเยื่อลำเลียงด้านข้าง เป็นผลให้ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของต้นพืชขยายขึ้น มีเนื้อไม้มากขึ้น เนื้อไม้ที่เห็นนั้นส่วนใหญ่จะเป็นท่อลำเลียงน้ำ ( XYLEM ) ระยะที่ 2 ข้อควรจำ - วงปี ( ANNUAL RING ) เกิดจากความแตกต่างของขนาดและสีของไซเลมที่เกิดขึ้นในฤดูที่มีปริมาณน้ำมากน้อยแตกต่างกัน - แก่นไม้ ( HEART WOOD ) เป็นไซเลมที่อยู่ส่วนในสุดของต้น มีสีคล้ำมีความแข็งแรงมาก เนื่องจากมีพวกน้ำมันหรือพวก TANNIN เข้าไปอุดตันทำให้ไม่สามารถลำเลียงน้ำได้ - กระพี้ ( SAP WOOD ) คือไซเลมที่อยู่ถัดแคมเบียมเข้าไป ยังสามารถลำเลียงน้ำได้ - เปลือกไม้ ( BARK ) คือ โฟลเอม รวมกับอิพิเดอร์มิส ( EPIDERMIS ) ตัวอย่างข้อสอบ ข้อมูลจากวงปีของต้นไม้ในป่าดงดิบแล้งสามารถบอกให้ทราบเรื่องใด ก. การเจริญของโฟลเอมในแต่ล่ะปี ข. การเจริญของไซเลมในแต่ละปี ค. ปริมาณความมากน้อยของน้ำฝนในแต่ล่ะปี ง. คุณภาพของเนื้อไม้แต่ละปี ตอบ ข. เนื้อไม้ที่จริงแล้วคือเนื้อเยื่อของ ก. PHLOME ข. XYLEM ค. EPIDERMIS ง. CAMBIUM ตอบ ข. เนื้อเยื่อใดในลำต้นที่ถูกสร้างขึ้นมามากที่สุดในการเจริญขั้นที่สอง ก. ไซเลมระยะที่ 1 ข. ไซเลมระยะที่ 2 ค. โฟลเอมระยะที่ 1 ง. โฟลเอมระยะที่ 2 ตอบ ข. ใบประกอบด้วยชั้นเซลล์ 2 ชั้น 1. เซลล์อิพิเดอร์มิส ( EPIDERMIS ) เป็นเซลล์ชั้นนอกสุด 2. เซลล์ชั้นมีโซฟิลล์ ( MESOPHYLL ) อยู่ถัดจากอิพิเดอร์มิสเข้าไปประกอบด้วยเซลล์ที่มีรูปร่าง แตกต่างกัน 2 แบบคือ - PALISADE CELL อยู่ติดกับอิพิเดอร์มิสด้านบน มีรูปร่างยาวๆเรียงติดกัน มีคลอโรพลาสต์อยู่เป็นจำนวนมากจึงเป็นบริเวณที่มีการสังเคราะห์ด้วนแสงมากที่สุด - SPONG CELL อยู่ถัดจากอิพิเดอร์มิสด้านล่างขึ้นมา มีรูปร่างค่อนข้างกลม มีคลอโรพลาสต์น้อย เรียงตัวกันอย่างหลวมๆ บริเวณเส้นใบจะมีกลุ่มของไซเลม และ โฟลเอม จับกลุ่มเป็นเนื้อเยื่อลำเลียงแทรกอยู่ในชั้นมีโซฟิลล์นี้ ข้อควรระวัง ตามปกติอิพิเดอร์มิสจะไม่มีคลอโร พลาสต์อยู่ภายใน จะมีอยู่ที่บริเวณเซลล์คุม ( GUARD CELL ) ซึ่งมีอยู่เป็นคู่ๆ พบมากที่ดิพิเดอร์มิสที่อยู่ด้านล่างระหว่างเซลล์คุมทั้งสองใบเป็นปากใบ ( STOMATA )ซึ่งเป็นทางเปิดเข้าออกของ ก๊าซ และไอน้ำ ชนิดของใบ 1. ใบเลี้ยง – สะสมอาหาร 2. ใบเกล็ด – เช่นหัวหอม กระเทียม 3. ใบดอก – ใบเฟื่องฟ้า , หน้าวัว , คริสต์มาส 4. ใบแท้ ตัวอย่างข้อสอบ ด้านบนของใบมะม่วงมีสีเข้มมากกว่าด้างล่างเป็นเพราะเหตุใด ก. ได้รับแสงมากกว่า ข. พาลิเสดเซลล์เรียงตัวกันแน่นกว่าสปันจีเซลล์ ค. พาลิสเสดเซลล์มีคลอโรพลาสต์มากกว่าสปันจีเซลล์ ง. สปันจีเซลล์มีคลอโรพลาสต์มากกว่าพาลิสดเซลล์ ตอบ ค. เนื้อเยื่อลำเลียงของใบอยู่ในเซลล์ชั้นใด ก. พาลิเสดเซลล์ ข. อิพิเดอร์มิส ค. สปันจีเซลล์ ง. คลอเรนไคมาเซลล์ ตอบ ค. |
วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554
บทที่9 โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น